Last updated: 8 ส.ค. 2564 | 3572 จำนวนผู้เข้าชม |
ในมุมมองของผม สิ่งที่ยากที่สุดของการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทย คือ “ไวยากรณ์ของคำกริยา”
สำหรับภาษาไทย คุณสามารถเพิ่มคำศัพท์เพื่อเปลี่ยนความหมายของคำกริยาได้ แต่ในภาษาอังกฤษนั้น กลับมีถึง 3 รูปแบบในคำศัพท์เดียว นั้นคือ Verb 1 , Verb 2 , Verb 3
การใช้คำกริยาในภาษาอังกฤษ จะแตกต่างจากคำกริยา ที่ใช้ในภาษาไทย จึงทำให้บริบทของภาษามันยากกว่า ดังนั้นการที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์คำกริยาได้ดี จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ
ถึงขั้นพูดได้ว่า ความสามารถในการใช้ Verb 1 , Verb 2 , Verb 3 นั้น เป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่จะช่วยบอกว่านักเรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีจริงหรื่อไม่
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำใส่ใจไว้คือ การที่สามารถทำข้อสอบพวกคำถาม Multiple choice (หลายคำตอบ) หรือการเติมคำในช่องว่างได้ ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเชี่ยวชาญในการใช้ไวยากรณ์จริง ๆ
เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น ให้ลองเปรียบเทียบเหมือนกับการที่คนไทยจะใช้โทนในการออกเสียง เพื่อสร้างคำที่มีความหมายแตกต่างได้ง่ายมาก เช่น ใช่ กับใช้
คนไทยแทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าจะต้องใช้โทนไหนในการออกเสียง เหมือนเขาหายใจออกก็ออกมา ก็เป็นคำนั้นแล้ว
การใช้คำกิริยา Verb 1, verb 2, verb 3 ของผู้ใช้ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน
พวกเราไม่เคยคิดเลยว่าควรใช้คำไหน และเราก็ไม่เคยพูดผิด มันเป็นอัตโนมัติ
นี่คือสิ่งที่คุณ ที่กำลังตั้งใจจะเรียนภาษาอังกฤษให้เชี่ยวชาญ ควรต้องโฟกัสมากที่สุด
“คุณต้องทำให้การเลือกใช้ Verb 1, verb 2, verb 3 ง่ายเป็นอัตโนมัติ เหมือนกับที่คุณเลือกใช้โทนในการพูดภาษาไทย”
-------------------------------------------------
สำหรับภาษาอังกฤษ การบอกเวลา หรือช่วงเวลาในการเกิดขึ้นของเหตุการณ์หนึ่ง ๆ ถูกสร้างมาพร้อมกับคำกริยา ดังนั้น พวกเราจะรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นเมื่อไหร่ โดยไม่ต้องเพิ่มคำใด ๆ ลงไปเลย
ตัวอย่างเช่น
“I turned in my report yesterday.” (ฉันส่งรายงานของฉันเมื่อวานนี้แล้ว)
คนไทยส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่คำศัพท์ “yesterday”
แต่ชาวต่างชาติจะโฟกัสไปที่เสียง -ed ที่ต่อท้ายคำว่า “turn”
เพื่อที่จะได้รู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และการที่เพิ่ม -ed ลงไปในรูปประโยคนี้ แสดงว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
------------------------------------------------
ท้ายที่สุด เมื่อรู้ว่าการใช้ไวยากรณ์ของคำกริยาเป็นสิ่งที่จำเป็นมากจริง ๆ สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หลังจากนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ การเรียนวันละนิด ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ฝึกการใช้ verb 1, verb 2, and verb อย่างน้อย 10 นาที ในทุก ๆ วัน ดีกว่าการเรียน 70 นาทีครั้งเดียวใน 1 สัปดาห์
และที่ AEP เรามีห้องเรียนเสริม จากห้องเรียนปกติ เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักเรียนของเราได้ฝึกการใช้ไวยากรณ์ เราเชิญชวนให้นักเรียนมาเข้าฝึกภาษาในทุก ๆ วัน ห้องเรียนนี้ใช้เวลาไม่มาก แต่มีทุกวัน เพื่อฝึกให้การใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ง่ายสำหรับนักเรียนไทย เหมือนกับการใช้โทนในภาษาไทย
เขียนโดย Teacher Bill
อาจารย์ Native Speaker สัญชาติ อเมริกัน
ที่สอนภาษาอังกฤษที่ประเทศไทยมากกว่า 25 ปี
23 มิ.ย. 2565
12 พ.ค. 2565
30 เม.ย 2565